วิจัย&พัฒนา

บริษัท เพชรดี เฟอร์ติไลเซอร์ จำกัด และภาควิชาปฐพีวิทยา คณะเกษตร กำแพงแสน มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ได้รับสนับสนุนงบประมาณจาก ITAP (สังกัด สวทช.)

เรื่อง การศึกษาประสิทธิภาพของผลิตภัณฑ์สารปรับปรุงดินที่มีผลต่อการป้องกันโรค จากเชื้อ Fusarium spp. และการชะลอการเคลื่อนย้ายธาตุไนไตรเจนทางดินในพืชทุเรียน

เพชรพระกาฬ มีส่วนประกอบสำคัญ “อินทรีย์วัตถุคาร์บอนสูง” ได้จากการสกัดผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมด้วยจุลินทรีย์กลุ่มแบคทีเรียที่มีคุณสมบัติพิเศษ 2 ชนิด

  1. แบคทีเรียตรึงไนโตรเจน (NH4+,NO3-)
  2. แบคทีเรียสร้างสารยับยั้งเชื้อรากลุ่มก่อโรคทางดิน

ศึกษาวิจัยและพัฒนาข้อมูลวิชาการ สารปรับปรุงดิน “เพชรพระกาฬ” ลดการหลุดร่วงหางแย้ – ผลอ่อน และป้องกันเชื้อราทางดิน

วิธีการวิจัย

ก็บตัวอย่างดิน และศึกษาการพัฒนาของทุเรียน ตั้งแต่ระยะดอกบาน – ผลอ่อน ติดตามผลวิจัย 30 วัน

สรุปผลวิจัย 3 เรื่อง

  1. ทางชีวภาพ (จุลินทรีย์)
  2. ทางเคมี (วิเคราะห์ธาตุอาหาร)
  3. ทางกายภาพ (ตรวจนับการติดผล)

1. ลดการหลุดร่วงหางแย้ – ผลอ่อนของทุเรียน

1.1 ผลวิจัยทางชีวภาพ พบว่า เพิ่มจำนวนแบคทีเรียตรึงไนโตรเจนทางดิน 10 เท่าใน 1 สัปดาห์

ภาพที่ 1 แบคทีเรียตรึงไนโตรเจนในดินที่ไม่ใส่ (a) และใส่ผลิตภัณฑ์สารปรับปรุงดิน (b) ที่ระยะเวลา 0, 8, 18 และ 30 วัน C-BIO = ดินไม่ใส่สารปรับปรุงดิน T-BIO = ดินที่ใส่สารปรับปรุงดิน

ภาพที่ 2, 3, 4 แบคทีเรียตรึงไนโตรเจน (b) ในดินที่ไม่ใส่และสารปรับปรุงดินที่ระยะเวลา 0 ,8 และ 18 วัน C-BIO = ดินไม่ใส่สารปรัปรุงดิน T-BIO = ดินที่ใส่สารปรับปรุงดิน * = p < 0.05

1.2 ผลวิจัยทางเคมี พบว่า ลดปริมาณธาตุไนโตรเจนทางดิน (NH4+,NO3-) มากกว่า 50%

(เพิ่มการติดผลผลิต, เร่งกระบวนการเข้าสีทุเรียน)

ภาพที่ 5 ปริมาณแอมโมเนียมและไนเตรตในตัวอย่างดินสวนทุเรียน

ภาพที่ 6 การเปลี่ยนแปลงแอมโมเนียมที่เป็นประโยชน์ในทรายและดิน หลังใส่สารปรับปรุงดิน 1 – 4 สัปดาห์

1.3 ผลวิจัยทางกายภาพ พบว่า เพิ่มจำนวนการติดผลทุเรียนระยะ 30 วัน มากกว่า 70%

(อ้างอิงข้อมูลงานวิจัยของบริษัทเท่านั้น)

ภาพที่ 7 ต้นทุเรียน C4 ไม่ใส่สารปรับปรุงดินที่ระยะเวลา 18 วัน

ภาพที่ 8 ต้นทุเรียน T2 ใส่สารปรับปรุงดินที่ระยะเวลา 18 วัน

ภาพที่ 9 ต้นทุเรียน C4 ไม่ใส่สารปรับปรุงดินที่ระยะเวลา 30 วัน

ภาพที่ 10 ต้นทุเรียน T2 ใส่สารปรับปรุงดินที่ระยะเวลา 30 วัน

2. ป้องกันเชื้อราทางดิน

2.1 ผลวิจัยทางชีวภาพ พบว่า มีประสิทธิภาพยับยั้งเชื้อราฟูซาเรียมทางดิน (Fusarium Spp.) สูงถึง 40%

ภาพที่ 11 เปรียบเทียบปริมาณสารปรับปรุงดินที่ใส่ในอาหาร PDA

ภาพที่ 12 ต้นทุเรียนที่แสดงอาการโรครากเน่าโคนเน่าและรากตัวอย่างที่เป็นโรค

ภาพที่ 13 ลักษณะโคโลนีและรูปร่างสปอร์ราฟูซาเรียมที่แยกจากรากทุเรียนที่เป็นโรค

ภาพที่ 14 – 15 เปรียบเทียบขนาด โคโลนีของราฟูซาเรียม Control คือไม่ใส่สารปรับปรุงดินในอาหาร PDA กับ ใส่สารปรับปรุงดินที่ 2% หรือเทียบเท่า 5 กก./ต้น